ประกันรถยนต์ชั้น 2 ไม่เหมาะกับรถประเถทไหน ?

Ashland Parks  » Insurance »  ประกันรถยนต์ชั้น 2 ไม่เหมาะกับรถประเถทไหน ?
0 Comments

ในการทำประกันรถยนต์ ต้องเข้าใจก่อนว่าประกันแต่ละชั้นมีการครอบครองรถแต่ละประเภทแตกต่างกัน ดังนั้นก็หมายความว่ามันไม่ได้เหมาะกับรถทุกประเภทเสมอไปด้วย เพราะแต่ละชั้นของการทำประกันก็จ่ายไม่เท่ากันเช่นกัน บทความนี้เราจะมุ่งไปที่ประเด็นที่ว่ารถยนต์ประเภทไหนบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำประกันชั้น 2 ตามมาดูกันได้เลย 

เมื่อพูดถึงการทำประกันรถยนต์ มันมีนโยบายที่แตกต่างกันมากมายเพื่อรองรับรถยนต์ประเภทต่างๆ โดยคำนึงถึงคุณค่า ประสิทธิภาพ และความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล แม้ว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 หรือที่เรียกว่าประกันชั้น 2 นี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมสำหรับรถยนต์ระดับกลาง แต่ก็มีรถยนต์บางประเภทที่อาจไม่เหมาะสำหรับการประกันภัยประเภทนี้ ในบทความนี้เราจะมาสำรวจประเภทของรถยนต์ที่โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ทำประกันชั้น 2

1. รถยนต์หรูหราและรถยนต์ระดับไฮเอนด์: รถยนต์ระดับหรูหราและรถยนต์ระดับไฮเอนด์มักมีมูลค่าที่สูงกว่า มีคุณสมบัติขั้นสูง และความต้องการการบำรุงรักษาเฉพาะด้านมากกว่าแบบ ทั่วไป เนื่องจากลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 อาจไม่คุ้มครองรถยนต์เหล่านี้อย่างเพียงพอ โมเดลจากแบรนด์หรู เช่น Mercedes-Benz S-Class, BMW 7 Series, Audi A8 และ Jaguar XJ อาจต้องมีการประกันประเภทเฉพาะที่ปรับให้เหมาะกับคุณสมบัติระดับพรีเมียมและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

2. Exotic และ Supercars:รถ  Exotic (รถหายาก) และ รถsupercars ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม หายาก และมีมูลค่าสูงมาก มักจะต้องการการประกันพิเศษ โดยรถยนต์เหล่านี้รวมถึงรถรุ่นที่มีชื่อเสียง เช่น Ferrari LaFerrari, Lamborghini Aventador, Bugatti Veyron และ McLaren P1 ต้องการความคุ้มครองที่คำนึงถึงคุณลักษณะเฉพาะและจัดการกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ความคุ้มครองมาตรฐานของประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 อาจไม่เพียงพอสำหรับรถยนต์ที่มีกำลังสูงและเป็นเอกสิทธิ์เหล่านี้

3. รถคลาสสิกและรถโบราณ: รถคลาสสิกและรถโบราณโดยทั่วไปมีอายุระหว่าง 20-25 ปีขึ้นไป และถือเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูงและมักต้องมีการมครองด้านประกันเฉพาะ เพื่อรักษาคุณค่าทางประวัติศาสตร์และคุณค่าทางจิตใจนี้ไว้ ตลอดจนการขาดแคลนชิ้นส่วนสำหรับการซ่อมแซม ทำให้ประกันชั้น 2 ไม่เหมาะกับรถยนต์เหล่านี้ การทำประกันภัยรถยนต์คลาสสิกได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของรถยนต์โบราณโดยเฉพาะ เพราะมันสามารถมอบความคุ้มครองที่คำนึงถึงลักษณะเฉพาะของรถยนต์เหล่านั้น มีชิ้นส่วนจำกัด และความเชี่ยวชาญที่จำเป็นสำหรับการบูรณะและบำรุงรักษาด้วย

4. รถยนต์ดัดแปลงและปรับแต่ง: รถยนต์ที่ผ่านการดัดแปลงหรือปรับแต่งอย่างมากมาย เช่น การอัพเกรดเครื่องยนต์ การดัดแปลงเพื่อความสวยงาม หรือการตกแต่งเพิ่มเติมหลังการขาย อาจไม่เหมาะสำหรับการทำประกันชั้น 2 การดัดแปลงเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อมูลค่า ประสิทธิภาพ และการรับรู้ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะ การทำประกันรถยนต์ดัดแปลงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าสำหรับรถยนต์เหล่านี้ เนื่องจากให้ความคุ้มครองที่ปรับให้เหมาะกับการปรับเปลี่ยนเฉพาะและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้อง

5. รถสปอร์ตสมรรถนะสูง: แม้ว่าประกันชั้น 2 โดยทั่วไปจะคุ้มครองรถสปอร์ตระดับกลาง แต่รถสปอร์ตสมรรถนะสูงมักต้องการความคุ้มครองพิเศษ รถยนต์เหล่านี้มีความเร็วที่เหนือชั้น ไดนามิกการขับขี่ขั้นสูง และความสามารถในการติดตามแตกต่างกัน อาจเกินขีดจำกัดความคุ้มครองและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ตัวอย่างของรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ได้แก่ Porsche 911 GT3 RS, Chevrolet Corvette Z06, Nissan GT-R และ Mercedes-AMG GT R

เจ้าของรถยนต์ที่อยู่ในประเภทเหล่านี้ควรสำรวจตัวเลือกการประกันภัยทางเลือกที่เชี่ยวชาญในการให้ความคุ้มครองสำหรับยานพาหนะประเภทเหล่านี้โดยเฉพาะ นโยบายการประกันเฉพาะทางควรคำนึงถึงคุณลักษณะเฉพาะ มูลค่าที่สูงขึ้น และสมรรถนะของรถยนต์เหล่านี้เพื่อให้ความคุ้มครองที่เหมาะสมเสมอ

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการแบ่งประเภทของยานพาหนะอาจแตกต่างกันไปตามผู้ให้บริการประกันภัย และบริษัทประกันภัยบางแห่งอาจเสนอกรมธรรม์เฉพาะสำหรับรถหรู รถแปลกใหม่ รถคลาสสิก รถดัดแปลง หรือรถสปอร์ตสมรรถนะสูง โดยแยกตามประเภทที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละประเภทของรถยนต์ 

โดยสรุปแล้ว ประกันชั้น 2 อาจไม่เหมาะกับรถหรู รถแปลกใหม่ รถซุปเปอร์คาร์ รถคลาสสิกและรถโบราณ รถดัดแปลงหรือรถที่ผ่านการปรับแต่งอย่างหนัก และรถสปอร์ตสมรรถนะสูง เนื่องจากรถยนต์เหล่านี้มักต้องมีการประกันที่พิเศษที่ปรับให้เหมาะกับลักษณะเฉพาะ มูลค่าที่สูงขึ้น ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และความต้องการการบำรุงรักษาเฉพาะ แต่สิ่งสำคัญคือเจ้าของยานพาหนะดังกล่าวจะต้องสำรวจตัวเลือกการทำประกันทางเลือกและปรึกษากับผู้ให้บริการประกันภัยที่เชี่ยวชาญในรถยนต์ประเภทนั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามีความคุ้มครองที่เหมาะสมด้วย